Menu

ครูกายแก้ว

ตำนาน ครูกายแก้ว กลายเป็นเรื่องฮือฮาและถูกพูดถึงจนเป็นไวรัล หลังจากเหตุการณ์ครูกายแก้วติดสะพานลอย ขณะที่อยู่บนรถ 6 ล้อเครน เมื่อช่วงเช้าวันที่ 9 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา จนทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่าแท้จริงแล้ว ครูกายแก้วคือใคร มีประวัติที่มาอย่างไร บทความนี้มีคำตอบ

ครูกายแก้ว คือ บรมครูผู้เรืองเวท เป็นที่รู้จักในวงกว้างของเหล่าสายมู ลูกศิษย์ลูกหา หรือผู้มีจิตศรัทธาและผู้นับถือ เนื่องจากเชื่อกันว่าสามารถประทานพรให้สมดั่งใจปรารถนาได้

ประวัติครูกายแก้วถูกเล่าสืบต่อกันมาเป็นระยะเวลาหลายร้อยปี เล่ากันว่า มีพระธุดงค์รูปหนึ่งเดินทางไปทำสมาธิที่ปราสาทนครวัด นครธม ประเทศกัมพูชา ระหว่างที่เดินทางกลับผ่าน จ.ลำปาง ได้พบกับ อาจารย์ถวิล มิลินทจินดา นักร้องเพลงไทยเดิมของกองดุริยางค์ทหาร จึงมอบองค์ครูกายแก้วขนาดประมาณ 2 นิ้วไว้ให้ อาจารย์ถวิลได้นำองค์ครูกายแก้วมาบูชา จนเริ่มมีชื่อเสียงและเงินทอง ต่อมาจึงได้มอบองค์กายแก้วไว้ให้กับ อาจารย์สุชาติ รัตนสุข ซึ่งก็ได้นำไปหล่อขึ้นรูปองค์ใหญ่ เพื่อบูชาครูเป็นองค์กายแก้วที่รู้จักกัน

รูปลักษณ์ขององค์ครูกายแก้ว คือ มีรูปลักษณ์คล้ายกับผู้บำเพ็ญตน นั่งขัดสมาธิ หน้าตาน่าเกรงขาม เนื่องจากด้านหลังมีปีก ตามีสีแดงฉาน เล็บยาวงุ้ม ส่วนบริเวณใบหน้ามีเขี้ยวคล้ายนกการเวก ซึ่งเป็นสัตว์โบราณในป่าหิมพานต์ จึงเชื่อกันว่าครูกายแก้วเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งนก

หลังจากที่มีการแชร์ภาพและคลิปวิดีโอเหตุการณ์รถบรรทุก 6 ล้อติดเครนที่บรรทุกองค์ครูกายแก้วขนาดใหญ่ติดสะพานลอย เมื่อช่วงเช้าวันที่ 9 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา จนเป็นไวรัล ได้ข้อสรุปว่าเป็นการขนย้ายองค์ครูกายแก้วขึ้นรถบรรทุก 6 ล้อติดเครน ป้ายทะเบียนหมายเลข 727679 เพื่อนำไปตั้งศาลบริเวณโรงแรม เดอะ บาซาร์ แบงค็อก รัชดาภิเษก แต่เนื่องจากองค์ครูมีขนาดใหญ่ สูง 4 เมตร กว้าง 3.50 เมตร ขนาดหน้าตัก 108 นิ้ว ทำให้ติดที่บริเวณใต้สะพานก่อนเดินทางไปยังจุดหมาย

ตามความเชื่อของผู้ที่นับถือและศรัทธา เชื่อกันว่าองค์ครูกายแก้ว หรือบรมครูผู้เรืองเวท ช่วยเรื่องการประทานพรให้ประสบความสำเร็จ เงินทองไหลมาไม่ขาดสาย อีกทั้งองค์ครูยังมีลักษณะคล้ายนกการเวก สัตว์ในตำนานจากป่าหิมพานต์ที่มีเสียงอันไพเราะ จึงเชื่อกันว่าหากบูชาจะช่วยให้โน้มน้าวใจคนได้ เจรจาค้าขายสำเร็จลุล่วง ค้าขายสิ่งใดก็ได้กำไร ร่ำรวยเงินทอง

เทวาลัยพระพิฆเนศบางใหญ่ ก่อตั้งโดย อาจารย์สุชาติ รัตนสุข สร้างขึ้นเพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ไม่ให้วิชาสูญหาย โดยครูกายแก้วบางใหญ่ตั้งอยู่บริเวณด้านในของเทวาลัย ส่วนใหญ่ผู้คนที่เดินทางมาขอพร มักนิยมขอเรื่องการเงิน การงาน และโชคลาภ
วันและเวลา : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

บริเวณเทวาลัยพระพิฆเนศ สี่แยกห้วยขวาง ถือเป็นศูนย์รวมที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของสายมู และเป็นที่ประดิษฐานขององค์เทพหลายองค์ เชื่อกันว่าหากเดินทางมาขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่จะสมหวังตามคำที่ขอไว้

วันและเวลา : 12.00-24.00 น.

บริเวณศาลพระพิฆเนศ อาเขตเชียงใหม่ อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวขาจร ลูกศิษย์ และสายมูที่มักจะเดินทางมาขอพรกับองค์เทพและองค์ครูกายแก้ว ส่วนใหญ่จะนิยมซื้อธูป เทียน ดอกไม้ ด้านหน้าและเตรียมของมากราบไหว้บูชา
วันและเวลา : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง


ล่าสุด บริเวณลานโรงแรม เดอะ บาซาร์ แบงค็อก รัชดาภิเษก กำลังจะมีการตั้งศาลครูกายแก้วขนาดใหญ่ และทำพิธีบวงสรวงในวันที่ 13 ส.ค. 2566 ที่จะถึงนี้ เวลา 19.00 น. โดยจะมีการแจกเหรียญครูกายแก้วรุ่นแรกอีกด้วย

ครูกายแก้ว บทสวดสั้นๆ สามารถท่องตามได้ ดังนี้
“นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธ ธัสสะ” (ตั้งนะโม 3 จบ)
“มะอะอุ ครูกายแก้ว เมตตา จะมหาราชา สัพพะสเน่หา มะมะจิตตัง ปิยังมะมะ” (สวด 9 จบ)

เริ่มแรกให้ตั้งนะโม 3 จบ จากนั้นสวดคาถาบูชาครูกายแก้วในข้างต้น ตั้งจิตอธิษฐานอย่างแน่วแน่ ระบุชื่อ-นามสกุลจริง วันเดือนปีเกิดให้ชัดเจน ก่อนจะขอพรตามตามต้องการ โดยอาจจะนำของบูชามาถวาย ได้แก่ ธูป 5 ดอก เทียน 1 เล่ม ทองคำเปลว หมากพลู มะพร้าวน้ำหอมเผา น้ำหอม หรือน้ำปรุงผลไม้ 3-5 อย่าง เช่น มะพร้าว แอปเปิล กล้วย สาลี่ หรือตามสะดวก และของหวาน 3-5 อย่าง เช่น มะพร้าวแก้ว ขนมถั่วแปบ ขนมชั้น หรือตามสะดวก

นอกจากการจุดธูปขอพร พร้อมถวายของบูชา ผู้ที่มาขอพรบางคนยังเคยมาขอเลขเด็ด ให้แตะที่องค์ครูกายแก้วแล้วขอ ก็สมหวังเช่นกัน


โพสต์โดย : จัสมิน จัสมิน เมื่อ 5 ต.ค. 2566 13:12:16 น. อ่าน 24 ตอบ 0

facebook